Fw : กระตุ้นสมองแก้หลงลืมในวัยทำงาน




สมองคนเรามหัศจรรย์กว่าเจ้าคอมพิวเตอร์สมองกลเป็นไหนๆ โดยเฉพาะคนวัยทำงานสมองดี ความจำดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง หากโหมทำงานจนละเลยสุขภาพตัวเอง อะไรๆ ที่เคยใช้การได้ดีก็อาจรวนขึ้นมา ใครที่รู้ตัวว่าเริ่มจะขี้หลงขี้ลืม ควรกระตุ้นสมอง ให้ความจำดีขึ้น
ยังไม่แก่...แต่ทำไมขี้ลืม
อาการหลงลืมง่ายของคนวัยทำงาน มักเกิดจากความเครียด ความวิตกกังวลจากการงานระหว่างวัน ทำให้เมื่อถึงเวลานอนหลับพักผ่อน ก็หลับไม่สนิท นอนหลับๆ ตื่นๆ ทำให้เวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียเรื้อรังตามมา

นอกจากนั้นแล้ว ชีวิตที่รีบเร่ง ซึ่งทำให้รับประทานอาหารไม่ถูกต้อง และขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ความสามารถในการจำลดลงได้ วิธีฟื้นความสามารถในการจดจำมีอยู่หลากหลายวิธี ได้เวลาปรับเปลี่ยนชีวิตนิดๆ หน่อยๆ ให้ไม่หลงลืมง่ายและจำแม่นขึ้น

กระตุ้นสมองช่วยจำ
เคล็ดลับน่าสนใจว่า แต่ละคนมีความถนัดในการเก็บข้อมูลเข้าสู่สมอง แตกต่างกัน บางคนชอบที่จะฟังเพื่อเก็บข้อมูล บางคนชอบเรียนรู้ผ่านภาพ การกระตุ้นสมองควรทำทุกอย่างควบคู่กันไป

o กระตุ้นสมองให้ตื่นตัวเสมอ ยามว่างลองใช้ เวลาเล่นปริศนาอักษรไขว้ (crossword) หรือเกมปริศนาอื่นๆ เช่น เกมปริศนาตัวเลขซูโดคุ การเล่นเกมปริศนาเหล่านี้ มีส่วนช่วยกระตุ้นสมองให้ตื่นตัว และทำงานประสานกันดีขึ้น ช่วยฝึกไหวพริบ และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์

o ติดตามข่าวสาร ซึ่งอาจเป็นข่าวสารของครอบครัว ข่าวภายในประเทศ และข่าวต่างประเทศ นอกจากนั้นแล้วการอ่านหนังสือที่ให้ความรู้ใหม่ๆ ก็กระตุ้นสมองได้อย่างดี

o เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทายความสามารถ เช่น เรียนภาษาต่างประเทศ สมาคมพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ ก็ช่วยกระตุ้นสมองให้ตื่นตัวได้เช่นกัน

o กระตุ้นความจำระยะยาว หลายคนคงเคยมี ประสบการณ์จำอะไรๆ ได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ การกระตุ้นความจำระยะยาว จึงควรฝึกอย่างสม่ำเสมอ หากมีข้อมูลสำคัญยากๆที่ต้องจดจำ ก็ลองใช้วิธีจับตัวอักษรของข้อมูลนั้น สร้างสัญลักษณ์หรือผูกเป็นประโยค เพื่อให้จำง่ายขึ้น

o เตือนความจำ ทบทวนข้อมูลใหม่ๆ ซ้ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็น วิธีหนึ่งที่ช่วยได้ ก่อนนอน ใช้เวลาทบทวนสิ่งที่ได้ทำมาในแต่ละวัน

o จดบันทึกช่วยจำ การจดบันทึกอีกครั้ง ช่วยให้จำได้แม่นยำขึ้นได้ ที่สำคัญคือช่วยให้เราไม่พลาดลืมสิ่งสำคัญๆ หายใจอย่างไรให้ความจำดี

การหายใจบางวิธีมีส่วนช่วยให้การจดจำดี ขึ้น การหายใจตื้นและเร็วขณะวิตกกังวล ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดีเท่าที่ควร ในระยะยาวอาจมีผลเสียต่อความจำได้ การหายใจแบบโยคะต่อไปนี้ช่วยได้ ลองฝึกดู

1. นอนหงายในท่าศพ หรือที่เราเรียกกันว่าแผ่สองสลึง อาจมีผ้าพับรองศีรษะหรือหลังไว้
2. หลับตา แต่ให้คิดว่าสายตาจดจ้องอยู่ตรงหน้าอก ผ่อนคลาย และสังเกตว่าลมหายใจค่อยๆ ช้าลง
3. รับรู้ตามลมหายใจที่ผ่านเข้าออกร่างกาย
4. ฟังเสียงหายใจเบาๆ สังเกตความแตกต่างระหว่างลมหายใจเข้า และลมหายใจออก
รับรองว่าวิธีหายใจแบบนี้ทำให้หายใจได้ลึก ซึ่งทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายขึ้น พลอยทำให้ความจำดีขึ้น

ด้วยอาหารบำรุงสมอง
การกินอาหาร เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้สมองทำงานได้ดี จึงขอแนะนำให้กินมื้อละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง อาหารบางประเภทมีประโยชน์ต่อสมอง และความสามารถในการจดจำโดยตรง

1. อาหารพวกธัญพืช ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืชต่างๆ อาหาร เหล่านี้อุดมด้วยกรดโฟลิก แคลเซียม ทองแดง ไอโอดีน เหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม แมงกานีส ซีลีเนียม กรดไขมันจำเป็น วิตามินบี และวิตามินอี ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ ช่วยการทำงานของระบบประสาท และหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง

2. ปลาที่มีมันมาก เช่น ปลาแซลมอน มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่เป็นกรดไขมันจำเป็น และยังมี DHA และ ฟอสโฟไลปิด ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของผนังเซลล์ทุกชนิด

3. วิตามินเสริมและเกลือแร่รวมต่างๆ ได้แก่ กลุ่มวิตามินบี วิตามินอี น้ำมันปลา ฟอสฟาทิดิล ซีรีน (phosphatidyl serine) ซึ่งสมองใช้ในการเรียกความทรงจำ และยังชะลออาการหลงลืมได้ด้วย


วิธีอยู่กับคนที่เราไม่ชอบ (ว.วชิรเมธี)


วิธีอยู่กับคนที่เราไม่ชอบ (ว.วชิรเมธี)
รู้ไหมว่า...เรามีเวลาอยู่ในโลกนี้คนละกี่ปี

ชีวิตนั้นสั้นยิ่งกว่าหยดน้ำค้างเสียอีก
จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า
ถ้าเราใช้เวลาอันแสนสั้นนี้ไปมัวหลับๆ ตื่นๆ
อยู่ในความรัก โลภ โกรธ หลง
หมั่นไส้คนนั้น ปลาบปลื้มคนนี้
ริษยาเจ้านาย ใส่ไคล้ลูกน้อง
ปกป้องภาพลักษณ์ (อัตตา) กด (หัว)
คนรุ่นใหม่หลงใหลเปลือกของชีวิต โดยลืมไปเลยว่า
อะไร คือ สิ่งที่ตนควรทำอย่างแท้จริง
คิดดูเถิดว่า เราจะขาดทุนขนาดไหน

ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เขียนบทกวีไว้ว่า
'“น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง
ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน
ฆ่าชีวา คือ พร่าค่าคืนวัน จะกำนัลโลกนี้มีงานใด”'
คนเราไม่ควรพร่าเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจ
ให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส
กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
กิเลสไม่เคยเหนื่อย
แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า

ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมา
เพื่อที่จะชอบ หรือไม่ชอบใคร
หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบ หรือมาชัง
แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้
เพื่อทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้น
หันกลับมามองตัวเองดีกว่า
ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร
มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ
นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า
เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง
คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง
ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา
จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้

เวลาที่เสียไปเพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่น
ก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า
บางที่ คนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น
เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย
เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียว
ด้วยความหงุดหงิด ขัดเคืองและอารมณ์เสีย
วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้
ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย

ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า
คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อม
หรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี
ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม
อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง
ความโกรธ ความเกลียดนั้น

ขอบคุณที่มา : วิสัชนา โดย ว.วชิรเมธี

大悲咒(2009版)-天籟梵音


Positive Thinking Quotes and Saying