สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2538
นันทวิสาร :: เขียน
หน้า1 I หน้า2 I หน้า3 I หน้า4 I หน้า5 I หน้า6 I หน้า7 I หน้า8 I หน้า9 I หน้า10 I หน้า11
หากความรักเป็นความผิด
การดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่นั้น
...สมควรได้รับการประนาม
แต่จากนั้นต่อมาอีกไม่นาน เขาได้สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างของอุมา ในความอ่อนหวานของเธอเหมือนจะแฝงไว้ด้วยความรันทดท้อ ในความร่าเริงแจ่มใสเหมือนจะกลบเกลื่อนกล้ำกลืน แววตาของเธอบางครั้งดูเหงาเศร้าจนยากที่จะหยั่งรู้ได้ แต่ไม่ได้ลึกเกินกว่าที่ใครจะคาดคะเนเลย
ระพินไม่ได้คิดไปเอง เพราะเมื่ออุมาได้ลางานกลับไปบ้านที่จังหวัดเพชรบุรีครั้งนั้น เธอกลับมาพร้อมด้วยอาการที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อุมาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พูดน้อยเก็บตัวเงียบอยู่กับโต๊ะทำงาน บางครั้งเหม่อลอยเศร้าซึม จะอะไรก็ตามทีมันต้องปวดร้าวเสียจนเธอไม่อาจที่จะเก็บกั้นไว้ในแววตาได้ และจะอะไรก็ตามทีมันต้องมากมายเสียจนเธอไม่อาจที่จะปกปิดอำพราง
ระพินเฝ้าแอบมองดูด้วยความอาทรร้าวราน และถ้าหากทำได้เขาอยากที่จะรับเอาความบอบช้ำของเธอเหล่านั้นไว้เองทั้งหมด เพื่อความสดใสร่าเริงของเธอจะได้กลับคืนมาอีกครั้ง เพื่อเขา...
ก้านไม้ขีดริษยาแสงเทียน...ทั้งที่ต่างเผาผลาญตัวเองให้มอดไหม้
ระพินเข้าไปหาอุมา เธอยิ้มให้เขา เป็นยิ้มที่ปราศจากวิญญาณ รอยยิ้มของคนเจ็บปางตาย
“ครั้งหนึ่งผมเคยยืนอยู่ตรงนี้ ท้อแท้สิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยากในชีวิต และตรงนั้น...คุณยืนอยู่ หนักแน่นมั่นคง คุณถ่ายทอดพลังชีวิตให้ผม พรมน้ำทิพย์ราดรดใจคนพ่ายแพ้ จนผมสามารถหยัดยืนขึ้นมาได้อีกครั้ง อุมาผมรู้สึกละอายใจอย่างเหลือเกิน ที่ได้รับเอาสิ่งเหล่านั้นมาจากคุณเสียหมดสิ้น จนไม่เหลือไว้สำหรับให้คุณได้เยียวยาตัวเองเลย คุณเรียกเอามันกลับคืนไปได้มั้ย เพื่อที่มันจะได้ปลุกปลอบประโลม หล่อเลี้ยงทุกอณูชีวิตของคุณให้ฟื้นคืนดังเดิม เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องปวดร้าว ที่ได้แต่เพียงเฝ้ามองดูคุณทนทุกข์” หัวใจของระพินร่ำร้องวิงวอนต่อเธอ
ความเอื้ออาทร
เป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งของความรัก
...ที่เหลือคือร้าวราน
“อุมาเพียงต้องการเวลา เวลาเท่านั้นที่จะสมานบาดแผลครั้งนี้ได้”
คำพูดของคนบาดเจ็บ เหมือนเธอกำลังจะร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาสักหยดที่เล็ดลอดออกมา มันอาจจะไหลย้อนคืนกลับเข้าไปยังที่ของมันอีก... น้ำตาเธอตกใน
“ได้โปรดอย่าให้เวลา ต้องทรมานคุณมากไปกว่านี้เลย อุมา...”
อุมาสบตาเขาเหมือนจะมองทะลุเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจ และถ้าหากว่าเธอสามารถเห็น เธอจะพบตัวเองอยู่ที่ข้างในนั้น...ในหัวใจที่อาบรักร้าวรานของระพิน
หัวใจบรรจุโลกเอาไว้ได้ทั้งใบ...แต่ซ่อนรักในใจนั้นกลับยากยิ่ง
“ผมขอโทษ ที่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคุณ...อุมา ผมเพียงแต่ไม่อยากเห็นคุณต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ผม...”
“ไม่เป็นไรค่ะระพิน คุณช่วยเตือนสติอุมาได้มากทีเดียว ขอบคุณมากค่ะ”
เพียงแค่นั้นเองที่เขาสามารถทำได้เพื่อคนที่รัก เพื่อดวงใจของเขา และก่อนที่ระพินจะก้าวพ้นออกมาจากห้องนั้น...
“พรุ่งนี้ อุมาจะไปสวนลุมพินี เราไปด้วยกันนะคะ”
หูของระพินไม่ได้ก่อกบฏ ทุกสัมผัสยังคงรู้สึก เธอยิ้มให้เขา แม้เพียงนิดเดียวที่มุมปาก แต่ความหมายนั้นแสนจะยิ่งใหญ่ ระพินตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก พรุ่งนี้เป็นวันหยุด และคืนนั้นก็ช่างยาวนานเสียนี่กระไร นานเสียจนเขาคิดไปว่าเวลาได้หยุดนิ่งเสียแล้วกระมัง โลกหยุดหมุนแล้วหรือ...
การรอคอยไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว
ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหน
ก็ทำให้ทรมานใจได้ทุกครั้ง
แม้จะสักแค่เพียงอึดใจเดียว
เช้าวันนั้น เขาและเธอพบกันตามที่นัดหมาย ระพินไปถึงก่อนและหลบอยู่ตรงมุมหนึ่ง เมื่อเห็นอุมาเดินลงมาจากรถจึงเข้าไปหา และพยายามที่จะอยู่ห่างๆเธอ วินาทีนั้นชายหนุ่มหวาดกลัวสารพัด กลัวคนที่รู้จักเห็น กลัวเธอจะถูกนินทา กลัวเธอจะรังเกียจ กลัวความรู้สึกต่ำต้อยของตนเอง กลัวจนแม้กระทั่งเงาของตัวเอง อนิจจา...ระพิน
ความยุติธรรม...
บรรณาการขนมปังชิ้นหนึ่งให้เศรษฐี
แล้วโยนขนมปังอีกชิ้นหนึ่งให้ยาจกหิวโซ
สีหน้าและท่าทางของอุมายังไม่ดีไปกว่าวันก่อนเท่าไรนัก เซื่องซึม...เหมอลอย วันวาน...ยังผลาญใจ แต่เธอมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ครบถ้วนจริงๆ และดูเหมือนว่าจะมากกว่าระพินเสียด้วยซ้ำไป
ที่นั่น... ระพินเดินตามหลังอุมาอยู่ห่างๆ จมูกได้กลิ่นหอมที่โชยมาจากตัวเธอ เขาแอบสูดเข้าไปจนสุดขั้วหัวใจ อุมาเดินทอดน่องช้าๆเหมือนใช้ความคิด แต่ระพินกลับเดินช้ากว่า หลายครั้งที่หญิงสาวต้องหยุดเดินเพื่อรอเขา
ความรักศักดิ์สิทธิ์...สวยงาม...ถ้าปราศจากกฎเกณฑ์
“อุมาคิดว่ามาที่นี่คนเดียวเสียอีก คุณลำบากใจมากนักหรือคะที่จะเดินกับอุมา อุมาอยากมีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ เพื่อที่อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวลำพังคนเดียว”
ระพินไม่ยอมห่างเธออีกแล้วแม้แต่ก้าวเดียว จมูกของเขายังคงได้กลิ่นหอมจากตัวเธออยู่ตลอดเวลา จนเขาคิดกลัวว่ามันจะจืดจางไปเพราะเขาเป็นต้นเหตุ ทั้งสองเดินไปได้สักพักก็หยุดนั่งที่ริมขอบสนามหญ้าข้างสระน้ำใหญ่ ทั้งเขาและเธอต่างนิ่งเงียบ ระพินไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี ได้แต่ปล่อยให้เวลาผ่านไป ผ่านไป และดูเหมือนว่ามันจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียจนเขารู้สึกเสียดาย
ทุกครั้งที่มองไปที่หอนาฬิกาเบื้องหน้า เวลาผ่านไป ผ่านไป... เขากับเธอนั่งกอดเข่าอยู่ไม่ห่างกันนัก หลายครั้งที่ระพินแอบมองเธอ เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสมองเธอในระยะประชิดเช่นนี้ สายตาของอุมามองเหม่อไร้จุดหมาย ระพินไม่อาจรู้ได้เลยว่าเธอจับจ้องไปที่ใด
ดวงตาแม้ไม่บอดมืด...แต่บางครั้งกลับมองไม่เห็นอะไรเลย
“ระพิน มีคนรักแล้วหรือยังคะ”
อุมาถามขึ้น เธอไม่ได้มองหน้าชายหนุ่มด้วยซ้ำไป
“อย่าเรียกว่าคนรักเลยครับ”
“หมายความว่าอย่างไรคะ มีหรือไม่มีกันแน่”
เขาจะตอบเธอได้อย่างไร พระเจ้าเท่านั้นที่รู้
เมื่อดวงใจมีรักจึงได้รู้ว่า
...ชีวิตมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหาย
บางสิ่งบางอย่าที่รอให้เติมเต็ม
“อย่าสนใจเลยครับ แล้วคุณล่ะอุมา...”
เขาเลี่ยงไป แต่ฉุกคิดได้ว่าไม่ควรย้อนถามไปอย่างนั้น เขาไม่แน่ใจว่าจะยอมรับสภาพตัวเองได้แค่ไหน
“มีแล้วค่ะ เรารักกันตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย”
เหมือนวิญญาณกำลังจะลอยออกจากร่าง เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ระพินเหมือนจะขาดใจ ที่ทรวงอกเหมือนถูกกดทับด้วยของหนัก หายใจเข้าออกขัดข้องไปหมด
รักตัวเองเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของความรัก
แม้จะไม่สง่างามนัก...แต่ก็ชอบธรรม...
“...เขาเพิ่งแต่งงานไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนี้เอง...”
น้ำเสียงนิ่งๆของเธอ ได้ทะลายภูเขาที่ทับอยู่บนอกของระพิน ให้อันตรธานหายไปราวปาฏิหารย์ วิญญาณยังคงอยู่กับร่างเดิม เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากการที่ได้พูดคุยกันในวันนั้น ทำให้เขาได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วหญิงสาวกำลังอกหักหัวใจของเธอกำลังแตกสลาย ระพินไม่แน่ใจว่าวันนั้นเขาเวทนาสงสารเธอหรืออะไรกันแน่ เขาเหมือนได้เห็นแสงสว่างรำไรริบรี่อยู่ที่ปลายอุโมงค์ ทั้งที่อาจจะเป็นแค่เพียงแสงหิ่งห้อย แต่ที่ลึกลงไปในใจนั้น...แอบหวัง
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2538
นันทวิสาร :: เขียน
ในวังวนชีวิตที่เวิ้งว้าง...ว่างเปล่า
มนุษย์ดิ้นรน...ตะเกียกตะกาย ไขว่คว้า...เพื่ออะไร