หน้า1 I หน้า2 I หน้า3 I หน้า4 I หน้า5 I หน้า6 I หน้า7 I หน้า8 I หน้า9 I หน้า10 I หน้า11

เวรกรรมไม่เคยหมดอายุความ
ไม่ว่าจะนานเพียงใด...ต้องชดใช้

“แม่ผิดใช่มั้ย...นพพร”
เธอเอาแต่พรอดพร่ำถึงอดีตราวกับว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้น ทั้งๆที่ผู้เป็นสามีไม่เคยได้ล่วงรู้เลยด้วยซ้ำไป และแม้แต่ลูกชายของเธอเองก็เพิ่งจะได้รู้...รู้ในสิ่งที่ไม่ควรจะรับรู้ ความลับที่แสนจะขมขื่น ความผิดที่เธอได้ลบล้างออกแล้วจนหมดสิ้น ด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรี ด้วยความจงรักถักดี ตราบาป...ที่ไม่ต้องรอให้พระบุตรมาไถ่โทษให้

พระเจ้าสร้างโลก...สร้างชีวิตและสรรพสิ่ง
เหมือนจะเอาไว้เป็นสนามประลองความเชื่อ

ภาพของหญิงชรานั่งอยู่บนเก้าอี้โยก เซื่องซึมหม่นเหม่อจมดิ่งอยู่กับอดีต...อดีตที่กรีดใจ วันแล้ววันเล่าที่สายตาของเธอจับจ้องไปยังขอบฟ้าไกล ไกลออกไป...ไกลออกไป…ไร้จุดหมาย... เธอกำลังพยายามที่จะมองหาสิ่งใดกันแน่...

ในความว่างเปล่า
ลึกล้ำสุดประมาณที่สิ้นสุด
บางสิ่งบางอย่างอยู่ที่นั่น
ที่รอยต่อของความคิดคำนึกกับจิตวิญญาณ
ที่ซึ่งอารมณ์และความรู้สึก...พึ่งพา...พักพิง

พ่อของนายแพทย์นพพรหายสาปสูญไปเหมือนไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้ คงทิ้งไว้เพียงเงินที่ได้จากการเกษียณอายุงาน กับเงินสะสมในธนาคาร และวิญญาณดวงหนึ่งที่คิดว่ากำลังชดใช้กรรม ในร่างของหญิงชราที่กำลังจะตายทั้งเป็น เธอฝังใจอยู่กับความรู้สึกผิดครั้งนั้น เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่เธอคิดว่า มันไม่ยุติธรรมต่อสามีของเธอ

สมองพยายามที่จะลืม
ในสิ่งที่จิตวิญญาณจดจำ
หัวใจคร่ำครวญอยู่ตรงกลางนั้น

ฤดูแล้วฤดูเล่าผลัดเปลี่ยนเวียนไป ฝนแล้วฝนเล่า... ยังคงไม่มีข่าวคราวของเขา ไม่มีจดหมาย ไม่มีแม้เสียงโทรศัพท์ ไม่มีใครเคยพบเขาบนโลกนี้อีกเลย ด้วยเงินเพียงเล็กน้อยที่ติดตัวไป เขาจะดำรงค์ชีพอยู่ได้อย่างไร...เขาอยู่ที่ไหน

ผ่านไปปีแล้วปีเล่า ตอนนั้นลูกชายคนโตของนายแพทย์นพพรอายุได้เจ็ดขวบ และเริ่มถามถึงคุณปู่ เริ่มแอบมองดูผู้เป็นย่าด้วยความสงสัย หญิงชรายังคงตกเป็นจำเลยของตนเองอยู่บนเก้าอี้โยกตัวนั้น บางครั้งจะมีหลานสาวคนเล็กคลอเคลียอยู่บนตัก สองมือของเธอเท่านั้นที่สัมผัสลูบไล้หลานสาว ดวงตาของเธอยังคงหม่นมอง เลื่อนลอยดั่งต้องคำสาป

พายุร้ายที่พัดโหมกระหน่ำ
ไม่อาจทำลายล้างความว่างเปล่าได้เลย
ตราบใดที่ความว่างเปล่า...ยังคงว่างเปล่า

พวกเขาทุกคนเฝ้ามองดูหญิงชราด้วยความรู้สึกหดหู่ และไม่อาจจะล่วงรู้ได้เลยว่า ชีวิตของเธอในขณะนั้น นอกจากลมหายใจแล้ว หัวใจและดวงวิญญาณยังคงอยู่กับร่างของเธอด้วยหรือไม่ นายแพทย์นพพรกับสุนิภายังคงดูแลเอาใจใส่ผู้เป็นแม่และคอยอยู่ใกล้ๆเธอทุกครั้งที่มีโอกาส แม่ยังคงเป็นปูชนียะบุคคลที่มีค่ายิ่งสำหรับพวกเขา และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

บางความรู้สึก...
ไม่อาจที่จะลบล้างได้ด้วยกาลเวลา
ไม่ว่าจะนานเท่าใด

ที่โรงพยาบาลวันนั้น ขณะที่นายแพทย์นพพรกำลังตรวจเยี่ยมคนไข้อยู่กับนักศึกษาแพทย์ฝึกงาน
“อาจารย์หมอคะ มีผู้ชายคนหนึ่งมาขอพบค่ะ ดิฉันให้รออยู่ที่หน้าห้องพักนะคะ”
พยาบาลคนหนึ่งเข้ามารายงาน
“คุณช่วยไปบอกเขาให้รอสักครู่นะ ตรวจคนไข้เสร็จแล้วผมจะรีบไป เป็นคนไข้เก่าหรือเปล่า”
"ไม่ใช่หรอกค่ะ อาจารย์”
"เอาล่ะ คุณไปบอกเขาตามนั้นแล้วกัน ขอบใจนะ”
“แต่เขาบอกว่ามีธุระสำคัญ ต้องการพบอาจารย์ด่วนมากเลยนะค่ะ”
“เอาล่ะ เอาล่ะ...”
นายแพทย์นพพรเริ่มจะหัวเสีย
“คุณช่วยดูแลทางนี้หน่อยนะ เสร็จธุระแล้วผมจะรีบกลับมา”
เขาหันไปสั่งกับนักศึกษาฝึกงาน แล้วเดินตามพยาบาลคนนั้นไปที่ห้องพัก และได้พบกับชายเลยวัยกลางคนคนหนึ่ง ท่าทางของเขาร้อนรนกระสับกระส่าย
“คนนี้แหละค่ะ อาจารย์”
พยาบาลคนนั้นแนะนำเสร็จแล้วก็เลี่ยงออกไป
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้บ้างมั้ยครับ”
นายแพทย์นพพรทักทายอย่างสุภาพ เพื่อดับอารมณ์อันร้อนรุ่มของเขา
“...หมอ นพพพรใช่มั้ยครับ”
“ครับ...ใช่”
“หมอ...หมอต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้นะครับ บางทีอาจจะทันได้ดูใจคุณพ่อของหมอ...”
นายแพทย์นพพรถึงกับตะลึง เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
“คุณ... คุณเป็นใครกันแน่”
“ผมชื่อบุญทอง แล้วหมอจะมัวชักช้าอยู่ทำไมกันเล่า”
ท่าทางที่ขึงขังและจริงจังของชายแปลกหน้าคนนั้น ทำให้เขาไม่มีเวลาที่จะคิดหรือตรึกตรองอะไรทั้งสิ้น นายแพทย์นพพรรู้แต่เพียงว่าต้องตามเขาไปไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม เพราะอาจจะมีข่าวคราวของผู้เป็นพ่อของเขาบ้างไม่มากก็น้อย เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

แม้แต่พระเจ้าก็เคยพลาดมาแล้ว
อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง...ตอนที่สร้างโลก

“เดี๋ยวผมไปสั่งงานก่อน เดี๋ยวเดียวเท่านั้น”
“เร็วหน่อยนะหมอ อาจจะสายเกินไปก็ได้...”
เสียงของนายบุญทองตะโกนไล่หลังไป นายแพทย์นพพรถลันรีบออกมาจากที่นั่น ฝากงานกับเพื่อนนายแพทย์และนักศึกษาฝึกงาน แล้วกลับออกมาอีกครั้ง และพร้อมที่จะไปกับชายแปลกหน้าที่ชื่อบุญทองคนนั้น
“เราจะไปไหนกัน”
“ปากช่อง...ครับ”
นายบุญทองตอบในขณะที่กำลังเดินอย่างรีบเร่งอยู่ข้างหน้า
“เดี๋ยวผมไปเอากุญแจรถก่อน”
“ไปรถผมเถอะหมอ สะดวกกว่า...”

รถกระบะสีน้ำเงินเข้มคันนั้น พุ่งทะยานฝ่าสายลมแสงแดดออกจากกรุงเทพฯ ไปตามถนนพหลโยธินมุ่งตรงสู่อำเภอปากช่อง ระยะทางร้อยกว่ากิโลเมตร ไม่น่าจะเกินสองชั่วโมง เพราะเท้าของนายบุญทองเหยียบจนจมคันเร่ง
“พ่อผมไปทำอะไรที่นั่น”
นายแพทย์นพพรถาม
“อย่าเพิ่งถามเลยน่าหมอ แล้วหมอก็จะรู้เอง เรื่องมันยาว ขอโทษนะหมอ”
นายบุญทองพูดทั้งที่สายตาของเขายังคงเพ่งมองอยู่ที่ถนนเบื้องหน้า ทำให้นายแพทย์นพพรยิ่งร้อนรนยิ่งขึ้น เสียงเครื่องยนต์เสียงลมอื้ออึงไปหมด

ความจริงต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง...ระหว่างพระเจ้ากับ...ซาตาน

เขาไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าพ่อของเขาไปทำอะไรที่นั่น เพราะเท่าที่รู้เขาไม่มีญาติอยู่ที่ปากช่อง ที่นั่นจะต้องซ่อนเรื่องราวไว้มากมาย เขาจะรับได้สักแค่ไหนเมื่อต้องเผชิญกับความจริง นายแพทย์นพพรเริ่มหวาดหวั่นกับบางสิ่งบางอย่างที่รอคอยอยู่ข้างหน้านั้น บางสิ่งบางอย่างที่เขาเคยตั้งคำถาม และคำตอบก็ยิ้มเย้ยรออยู่แล้ว...ที่นั่น

ความมืดไม่มีพลังอำนาจพอที่จะทำร้ายใครได้
เงาดำที่ลอบหลบอยู่ข้างในนั้นต่างหากที่ล่อลวง...ครอบงำ



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2538


นันทวิสาร :: เขียน

ในวังวนชีวิตที่เวิ้งว้าง...ว่างเปล่า
มนุษย์ดิ้นรน...ตะเกียกตะกาย ไขว่คว้า...เพื่ออะไร

Positive Thinking Quotes and Saying