สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2538
นันทวิสาร :: เขียน
หน้า1 I หน้า2 I หน้า3 I หน้า4 I หน้า5 I หน้า6 I หน้า7 I หน้า8 I หน้า9 I หน้า10 I หน้า11
เวทนา...สงสารหรือเห็นใจ
ถ้าเพียงแค่นั้นที่น้ำตาสามารถแลกได้
หัวใจเธอก็พร้อมที่จะจมน้ำตา
“เพ็ญจะรอพี่...”
ระพินแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง
“อะไรนะ...เพ็ญ”
“เพ็ญจะรอพี่...”
นั่นไม่ใช่คำพร่ำเพ้อ มันเป็นสัจจะวาจา เป็นคำมั่นสัญญา ระพินรู้สึกได้ทันทีถึงแสนยานุภาพนั้น
ประกาศิตรัก...แม้แต่ขบวนพยุหะยาตราของพระเจ้าก็ไม่อาจทัดทาน
“ไม่นะเพ็ญ พี่ยอมให้เพ็ญทำอย่างนั้นไม่ได้ พี่ยอมไม่ได้จริงๆพี่...”
ระพินพยายามที่จะแย่งชิงเอาสิ่งสุดท้ายไปจากเธอ ต่อหน้าต่อตาพระเจ้า...
“พี่ระพินมีผ้าเช็ดหน้ามั๊ยคะ...”
เขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้เพ็ญ เธอจะซับน้ำตาที่หัวใจของเธอได้อย่างนั้นนะหรือ
“เพ็ญจะรอพี่ เพ็ญจะรอ วันใดก็ตามที่พี่ผ่านมา และพบผ้าเช็ดหน้าผูกอยู่ที่รั้ว... ขอให้พี่รู้ไว้ด้วยเถิดว่า เพ็ญรอพี่อยู่...ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหนก็ตาม เพ็ญจะรอ...”
ใดๆในโลกล้วนเป็นอนิจัง...ประสาอะไรกับ...ความหวังลมๆแล้งๆ
เพ็ญผูกชายผ้าเช็ดหน้าข้างหนึ่งไว้ที่ลวดหนามรั้วเส้นบนสุด การรอคอยได้เริ่มขึ้นแล้ว...
“ไม่นะเพ็ญ พี่ขอร้องเพ็ญอย่าทำอย่างนี้เลย ได้โปรดเถิด...”
อีกครั้งที่เขาพยายาม และอีกครั้งที่ไร้ผล เธอพร้อมที่จะจมน้ำตาย
“เพ็ญจะรอพี่ ไม่ว่าจะนานสักเท่าใด นี่จะเป็นสิ่งเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เพ็ญศรัทธาการมีชีวิตอยู่...”
เธอไม่ยอมปล่อยใบไม้แห้งๆกำนั้น ยังคงกำไว้แน่นสุดชีวิต ระพินบรรจงจูบลง บนหน้าผากที่เย็นยะเยือกของเพ็ญ เพื่อจารึกส่งผ่านกราบลงที่ดวงใจอันแสนชอกช้ำของเธอ...ลาก่อนยอดดวงใจ...ลาก่อน ร่างของคนโชคร้ายจมดิ่งหาย ไปในสายน้ำ พร้อมกับความหวังสุดท้ายในกำมือ...แค่เศษใบไม้แห้งๆ..
ตราบใดที่ยังรอคอย
แม้จะเจ็บปวดร้าวสักเพียงใด
ก็ยังคงมีความหวัง...ให้ได้หวังได้เสมอ...
หญิงสาวเดินเข้าไร่ไปนานแล้ว และหัวใจของระพินก็ตามเธอกลับไปแล้วด้วย...เช่นกันเขายังคงเหลือเพียงวิญญาณ ในเรือนร่างที่ไร้ใจ... เช่นเดิม
ระพินหอบเอาวิญญาณในเรือนร่างที่ไร้ใจซมซานกลับมา กลับมาเพื่อทำหน้าที่ของเขา หน้าที่สามีที่ดี หน้าที่ที่พระจ้าได้ทรงบัญชา จากครอบครัวเล็กๆในห้องเช่าแคบๆ กับลูกน้อยๆที่น่ารักอีกหนึ่งชีวิต เป็นความมุ่งมั่นและตรากตรำอดออม บ้านและการศึกษาที่ดีสำหรับลูกชายคนเดียว คือความหวังของคนทั้งสอง ระพินเปลี่ยนงานใหม่เป็นคนขับรถประจำตำแหน่งผู้บริหารชาวต่างชาติ และเริ่มผ่อนบ้านทาวน์เฮ้าส์สองชั้น
จวบจนเวลาผ่านไป...ผ่านไป จิตวิญญาณเสรี แม้ชีวิตจะถูกพันธนาการ ในเรือนร่างที่ร้าวรานแม้ตัวตนจะถูกจองจำไว ้กับสามัญสำนึก... รับผิดชอบ ที่บนเก้าอี้หวายโยกริมระเบียง ในเรือนร่างที่ไร้ใจ จิตตานุภาพล่องลอยไกลแสนไกล ในสายพระเนตรที่จับจ้องแห่งพระผู้เป็นเจ้าเขาหลับ... หลับเพื่อที่จะตื่นขึ้นอีกครั้งในโลกแห่งความฝัน ...ฝันที่มีเธอผู้นั้น ...เพ็ญ
เบื้องหลังเปลือกตาคู่นั้น ภาระหน้าที่กับความจริง ยังคงเป็นสิ่งเดียวที่ฉกฉวยไขว่คว้า โอบเอาไว้แนบอก ด้วยชีวิตและจิตวิญญาณภาพผืนผ้าเช็ดหน้าที่ผูกอยู่บนรั้วลวดหนาม เรียงรายพัดพลิ้วโบกเรียกอยู่ไหวๆ ในห้วงภวังค์ที่ยังคงเด่นชัด มัดหัวใจเขาค้างคาอยู่บนนั้น รูปเงาของผู้หญิงคนหนึ่ง...มั่นคง...รอคอย...เฝ้าคอย ระพินผ่อนบ้านหมดแล้ว และจะเป็นบ้านหลังแรกของครอบครัว เป็นที่พักพิงของภรรยาและลูก
เมื่อนพพรเรียนจบแพทย์และแต่งงานมีครอบครัวเป็นบึกแผ่น มีการงานที่มั่นคง ระพินหมดกังวลที่จะฝากผู้เป็นแม่ไว้กับลูกชายของเธอ เขาหมดห่วงแล้ว เขาได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว แม้จะไม่สมบรูณ์นักก็ตาม ระพินได้เดินมาจนสุดปลายทางแล้วสำหรับความรับผิดชอบ เขาบอกกับตัวเองบอกกับพระเจ้า... ไหว้วอนต่อรองกับพระองค์
ราชโองการของพระเจ้า...มักจะส่งผ่านมา...ทางความเงียบ
วิญญาณของเขาไม่อาจทนให้หัวใจปวดร้าวได้อีกต่อไป วิญญาณของระพินไม่อาจ อยู่ได้อีกต่อไป ในเรือนร่างที่ไร้ใจ ระพินคิดถึงหัวใจของเขา หัวใจดวงนั้น...ดวงที่อยู่กับเพ็ญ...จินตลีลาแห่งความกล้ำกลืนของระพิน ปิดฉากลงพร้อมกับบันทึกหน้าสุดท้าย พระเจ้า...ท่านได้รังสรรค์สร้างและหล่อหลอมเขาขึ้นมาด้วยผงธุลีดินเพียง เท่านั้นนะหรือ...
นพพรกราบลาผู้เป็นพ่อของเขากับเพ็ญ ระหว่างหลุมศพของคนทั้งสองที่เนินดินแห่งนั้น ก่อนจะกลับเข้ากรุงเทพฯในวันรุ่งขึ้น พร้อมกับสมุดบันทึกวรรณกรรรมชีวิตช่วงหนึ่งของพ่อผู้ทุกทน
ความยุติธรรมกับความถูกต้อง
มักจะขัดแย้งกันอยู่เสมอ...ในเหตุผล
ความยุติธรรมกับความถูกต้อง
มักจะอยู่คู่กันเสมอ...บนเส้นขนาน
นายแพทย์นพพรกับสุนิภาตกลงตัดสินใจว่าจะมอบสมุดบันทึกของระพินเล่มนั้นให้กับหญิงชราผู้เป็นแม่ ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะปกปิด นายแพทย์นพพรคิดว่าผู้เป็นแม่ของเขาควรจะได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด เพื่อที่เธอจะได้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้เป็นสามี ความรู้สึกที่เธอไม่เคยเข้าไปถึงเลย
ความเชื่อสร้างศรัทธา...ความจริง...ปลดปล่อย
มีเพียงหญิงชราเท่านั้นที่รู้ว่า อะไรอยู่ที่สุดขอบฟ้าไกล เพราะทุกวันสายตาของเธอจะเฝ้ามองไป ณ ที่แห่งนั้น บนเก้าอี้หวายโยกที่ริมระเบียง ที่ที่สามีของเธอเคยนั่งเอนกายหลับตา...แอบโหยหาหัวใจ...ตัวเอง
“ แม่ครับ...”
ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงชรา เธอไม่ได้หลับ สองมือของเธอวางซ้อนกันอยู่บนตัก สายตาเหม่อมองไปยังที่สุดปลายขอบฟ้า และหัวใจของเธอก็อาจจะล่องลอยไปที่สุดสายตานั้นด้วย...
ชีวิต...จิตวิญญาณ...หัวใจ...
กดขี่ร่างกายเยี่ยงทาส...จนลมหายใจสุดท้าย
“แม่ครับ...ผมมีข่าวของพ่อจะบอกแม่ครับ”
เสียงนั้นราวกับว่าดังมาจากฟากฟ้า เก้าอี้โยกไหว หญิงชราถึงกับสะดุ้งประหนึ่งว่าเพิ่งตื่นจากฝันร้าย ชีวิตของเธอถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้วนานเหลือเกินที่ลูกชายของเธอไม่ได้เห็นแววตาเช่นนั้นของผู้เป็นแม่... ประกายตาแห่งชีวิต ร่างกายทุกส่วนของหญิงชราเสมือนได้หลุดพ้นจากพันธนาการที่ไร้ตัวตน จิตวิญญาณของเธอกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ นายแพทย์นพพรไม่กล้าที่จะสบนัยตาคู่นั้นเลย
“พ่อ...พ่อของลูกอยู่ที่ไหน นพพร...บอกแม่...บอกแม่”
น้ำเสียงของผู้เป็นแม่หนักแน่นและชัดเจนทุกถ้อยคำ แม้จะระล่ำระลักไปบ้างก็ตามที แต่น้ำตาที่ไหลซึมออกมานั้นเล่า หมายความว่าอย่างไร นายแพทย์นพพรไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจเลย
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2538
นันทวิสาร :: เขียน
ในวังวนชีวิตที่เวิ้งว้าง...ว่างเปล่า
มนุษย์ดิ้นรน...ตะเกียกตะกาย ไขว่คว้า...เพื่ออะไร