สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2538


นันทวิสาร :: เขียน

หน้า1 I หน้า2 I หน้า3 I หน้า4 I หน้า5 I หน้า6 I หน้า7 I หน้า8 I หน้า9 I หน้า10 I หน้า11

ความยิ่งใหญ่แห่งมหาสมุทรมีอยู่ในดวงตาด้วยหรือไร
ใยไม่รู้จักหมดสิ้น...

นายแพทย์นพพรนั่งก้มหน้านิ่งอยู่ที่ข้างๆตักผู้เป็นแม่ มองดูน้ำตาตัวเองที่หยาดย้อยลงมา
“พ่อ...พ่อเสียแล้วครับแม่...”
หญิงชราเหมือนสิ้นเรี่ยวแรง สองตาที่พร่ามัวของเธอมองผ่านม่านน้ำตา และจับอยู่ที่ใบหน้าของลูกชาย และมองลึกเข้าไปในนั้น...
“พระเจ้า...”
น้ำเสียงของหญิงชรากลับแหบแห้ง สองมือลูบลบทางน้ำตา ที่ยังคงไหลบ่าอาบแก้ม มีคำถามมากมายที่ซ่อนอยู่ในนั้น
“เมื่อไหร่นพพร สองสามวันที่ลูกหายไปนั่นใช่มั๊ยลูก”
“ครับแม่...ผมต้องกราบขอโทษที่ไม่ได้บอกแม่แต่แรก ผม...”
เสียงของผู้เป็นลูกชายขาดหายเข้าไปในลำคอ และจุกแน่นอยู่ที่หน้าอก
“พ่ออยู่ไหนนพพร ลูกรู้อะไรบ้างเล่าให้แม่ฟังเถอะนะ อย่าปิดบังแม่เลย”
ผู้เป็นแม่เหมือนจะวิงวอนขอความเห็นใจ มือข้างหนึ่งลูบหัวลูกชายไปมา ทั้งน้ำตานองหน้า

ความจริง...แม้ว่าจะขมขื่นสักเพียงใด
ปวดร้าวสักแค่ไหน
หัวใจก็พร้อมที่จะกล้ำกลืน

หญิงชรานั่งฟังลูกชายเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างสงบ โดยปราศจากการซักถามน้ำตาของเธอคงจะหยาดริน ออกมาจนหมดสิ้นแล้วกระมัง เธอนิ่งเงียบ คงค้างไว้เพียงเรื่องราวในบันทึกของผู้เป็นพ่อเท่านั้น ที่นายแพทย์นพพรยังไม่ได้เล่า เขาอยากจะให้ผู้เป็นแม่ของเขาได้อ่านด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะต้องขมขื่นสักเพียงใดก็ตาม ความจริงอาจจะทำให้หญิงชรารู้สึกผิดน้อยลง เขาเชื่ออย่างนั้น เชื่อในความรู้สึกที่ดีของผู้เป็นแม่ เชื่อในความเป็นแม่ แม่ผู้ขัดเกลาชีวิตเขาจากเบ้าหลอมของผู้เป็นพ่อ

วันนั้นทั้งวัน หญิงชราใจจดใจจ่ออยู่กับบันทึกเล่มนั้น ...เรื่องราวและความรู้สึกของผู้เป็นสามีของเธอ และดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้อ่านแค่ครั้งเดียวและไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เท่านั้นที่เธอต้องเสียน้ำตา ให้กับความปวดร้าวของสามีที่เธอเพิ่งจะค้นพบ บางทีเธออาจจะกอบเก็บเอาความรู้สึกเหล่านั้น เข้าไปไว้เป็นส่วนหนึ่งของเธอแล้วด้วย...

น้ำตากับความรัก... มาจากที่เดียวกัน..ที่หัวใจ...

หญิงชราวางบันทึกของสามีเล่มนั้นไว้แนบอก ราวกับว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า สองมือสัมผัสลูบไล้อย่างทะนุถนอม เพราะคือส่วนหนึ่งของเขา อารมณ์ ความรู้สึก และวันเวลาที่ไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีกแล้ว บนเก้าอี้โยกตัวนั้น อุมาหลับตาพริ้ม มีรอยยิ้มปนเปื้อนอยู่กับผลึกน้ำตา พระเจ้าเท่านั้นที่รู้และเข้าใจในน้ำตาหยดสุดท้ายของหญิงชรา ที่ได้ระเหยแห้งไปนานแล้ว

น้ำตาไม่อาจใช้ยังชีพ...ไม่ว่าจะแร้นแค้นเพียงใด

“ฉันไม่เคยคิดตำหนิคุณเลยระพิน ฉันขอขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณปฏิบัติต่อฉัน และให้เกียรติฉันเสมอมา อภัยให้ฉันด้วย...ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณมีเธออยู่ในใจตลอดเวลา คุณช่างใจร้ายกับตัวเสียเหลือเกิน ยกโทษให้ฉันด้วยนะเพ็ญ... ฉันคงไม่ตายเร็วจนเกินไปนักหรอก ขอให้เธอทั้งคู่อยู่ร่วมกัน ไปตราบชั่วนิรันดร์เถิด...”
อุมาวางช่อดอกไม้ลงกลางเนินดินอย่างสุภาพและอ่อนโยน ระหว่างหลุมศพของผู้เป็นสามีของเธอกับเพ็ญ...ผู้หญิงที่เธอไม่เคยรู้จัก โดยมีนายแพทย์นพพรกับลูกๆยืนอยู่ข้างๆ และบุญทองเฝ้ามองดูอยู่ไม่ห่างนัก ผ่านไปเสียทีสำหรับวันและเวลาแห่งความร้าวราน.... ขอบคุณพระเจ้า

พระเจ้า...เฝ้าดูความทุกทน
ทดสอบ...จิตวิญญาณ
แล้วก็รับความดีความชอบไป...ทุกครั้ง

“...ที่เพชรบุรี แม่ยังคงติดต่อกับพ่อของลูกทางจดหมาย ในขณะที่แม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจ ให้กับปลัดหนุ่มคนหนึ่ง แม่เริ่มได้คิดถึงความเป็นไปไม่ได้ระหว่างพ่อกับแม่ แต่แม่สงสารพ่อของลูก แม่ไม่อยากทำร้ายจิตใจเขา ไม่อยากให้ร้ายเขา แม่ต้องการเวลา แม่เหมือนคนหลอกลวง แล้วแม่ก็เริ่มขาดการติดต่อกับพ่อกับลูก จนวันหนึ่งเมื่อแม่ได้รู้ว่า ปลัดคนนั้นเขามีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว เขาหลอกลวงแม่ แม่ไม่อาจที่จะยอมรับสภาพเช่นนั้นได้ แม่อยากไปไหนก็ได้ ไปให้ไกลได้เท่าไหร่ยิ่งดี แม่ไม่อยากพบหน้าผู้คนที่แม่เคยรู้จัก แม่อับอาย... แม่ต้องการใครสักคน และคนคนนั้นก็คือพ่อของลูก...”

ถ้าความรักเป็นแขนขาของพระเจ้า
ความเห็นแก่ตัวก็คือข้าช่วงใช้ที่ซื่อสัตย์...ของซาตาน

ทั้งหมดนั้นเป็นคำบอกเล่าของอุมาเมื่อหลายปีก่อน คำให้การของนักโทษที่สำนึกผิด ความผิดพลาดครั้งหนึ่งของเธอ สิ่งเดียวที่เกาะกินความรู้สึกและฝังรากอยู่ในใจมานานแสนนาน ความลับที่สามีของเธอไม่เคยล่วงรู้ เขาไม่มีโอกาสที่จะได้รับรู้อีกแล้ว นายแพทย์นพพรได้เรียนรู้ว่า คนเราอาจจะผิดต่อใครก็ได้ เพียงขอโทษ... เพียงสำนึกผิด หรือไม่ก็ชดใช้...แต่ถ้าผิดต่อจิตใต้สำนึก ของตัวเองชีวิตจะหมดคุณค่า...ขาดความเชื่อมั่นและปราศจากจุดยืนนั่นเท่ากับว่าได้ให้ร้ายตัวเอง อุมาไม่ใช่หญิงชรา ผู้ที่เคยจองจำตัวเองไว้ กับอดีตอีกต่อไป วงหน้าอิ่มเอิบปราณี ชีวิตของหญิงชราเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง กับวันเวลาที่เหลืออยู่

ในห้วงแห่งพันธนาการใจ
กุญแจใจเท่านั้นที่จะไขให้หลุดพ้น
เพียงแต่ต้องหาให้พบกุญแจสำคัญดอกนั้น...ในใจ

บนเก้าอี้หวายโยกริมระเบียง หญิงชรานั่งโยกเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ ส่งรอยยิ้มน้อยๆไปยังที่สุดขอบฟ้าไกล ที่นั่น...ที่แห่งความเป็นนิรันดร์ ที่ซึ่งดวงวิญญาณสองดวงอยู่ข้างกันโลกยังคงหนุนอยู่ วันเวลายังคงผ่านไป และผ่านไป ร่างของอุมาผู้ชราภาพนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง ล้อมรอบด้วยลูกหลาน ดวงตาที่เคยเปล่งประกายปิดสนิท เธอไม่รับรู้ถึงความรู้สึกใดๆอีกแล้วเธอได้ชดใช้แล้วด้วยวัน เวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมดและสิ่งเดียวที่นายแพทย์นพพร ผู้เป็นลูกชายของเธอสามารถรับรู้ได้ในขณะนั้นคือ... ผู้เป็นแม่ของเขาไม่ได้ตายโดยปราศจากพระเจ้า... บนเก้าอี้หวายโยกริมระเบียง...ว่างเปล่า หลังจากที่ได้แบกรับ อารมณ์และความคิดคำนึง ของผู้เป็นเจ้าของมาช้านาน

สายลมโชยพัดเก้าอี้โยก...
ไหวเอน...พักผ่อน
เหลือเพียงความทรงจำกับวันเวลาที่เหลืออยู่
และมันก็จะผ่านไปผ่านไป...
และผ่านไป...ในที่สุด.

----------------------------------------------------------- จบบริบูรณ์



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2538


นันทวิสาร :: เขียน

ในวังวนชีวิตที่เวิ้งว้าง...ว่างเปล่า
มนุษย์ดิ้นรน...ตะเกียกตะกาย ไขว่คว้า...เพื่ออะไร

Positive Thinking Quotes and Saying